เรื่องกินเรื่องเที่ยวจัดว่าเป็นเรื่องใหญ่ บางครั้งเราก็ทำงานกันมาต่อเนื่องเป็นเดือนๆ ก็อยากจะหาเวลาไปกินไปเที่ยวกับเขาบ้าง แต่ก็ยังติดปัญหาเรื่องเวลา เพราะว่างไม่ตรงกับคนที่เรารักกับเพื่อนสักครั้ง และปัญหาอีกระดับก็คงจะเป็นเรื่องของเงินในกระเป๋าที่ยังไม่ค่อยแวะเวียนมาหาพาเราไปกินไปเที่ยวสักเท่าไหร่เลย พอมองดูกระเป๋าเงินเห็นแล้วก็ได้แต่ยิ้มบอกกับตัวเองว่าเราต้องรอด ต้องอยู่กับมันได้
แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น อย่างวันหยุดสุดสัปดาห์ ก็หาเวลาว่างให้กับตัวเราเองได้เหมือนกัน อาจจะใช้เวลาเพียงสั้น ๆ สัก 2-3 ชั่วโมง ก็หาความสุขกับตนเองได้แล้ว ด้วยการแวะไปหาของกินอร่อยๆ จัดงบให้ลงตัว เงินนั้นซื้อความสุขให้กับเราได้ไม่มากก็น้อยก็ซื้อได้เหมือนกัน ยิ่งทำงานมาเหนื่อยๆ ก็จัดไปเลย อาหารบุฟเฟ่ต์แบบที่ต้องการ หาความสุขความสนุกให้กับตัวเองเสียบ้างก่อนที่แบตจะหมดแล้วก็ต้องใช้เงินส่วนนั้นไปซื้อยามารักษาตัวเองเสียก่อน
แล้วถ้าจะเลือกไปกินบุฟเฟ่ต์กับเพื่อนต้องเลือกแบบไหนกันดี
เรื่องการไปกินบุฟเฟ่ต์กับเพื่อนนั้นก็ไม่ได้ยากไปเกินว่าจะหาคำตอบไม่ได้ แต่คำตอบนั้นต้องตอบโจทย์สำหรับเราได้ทุกคน ถ้าจำนวนคนไม่มากจนเกินไปก็หาทางออกได้ไม่ยากเลย เพียงแค่เรามี 5 ข้อที่ตรงกันเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว เริ่มจาก
1.งบประมาณ
การไปกิบบุฟเฟ่ต์กัน ก็ต้องดูจากงบประมาณก่อนว่าเรามีงบประมาณกันที่เท่าไหร่ จะหัวละกี่ร้อยกี่พันก็ว่ากันไป แล้วก็อาจจะมองไปถึงเรื่องของเวลาไปด้วย เพราะบางคนก็สายกินที่กินได้เรื่อยๆ ไม่มีเวลาจำกัด แต่สำหรับบางคนก็สายคุยได้เจอกันก็ขอคุยกันสักหน่อย ต้องสัมพันธ์กันสำหรับเรื่องนี้ด้วย
2.สถานที่ต้องอำนวย
ร้านบุฟเฟ่ต์บางร้านก็มีอาหารที่อร่อยแต่สถานที่ก็ไม่อำนวยสักเท่าไหร่เพราะทั้งร้อนทั้งแออัดแบบนี้ก็ทำให้ความสนุกหายไปได้ง่ายๆ เช่นกัน ยิ่งไปกันหลายคนก็จำเป็นต้องใช้เวลาร่วมกันให้ได้นานที่สุด ความสุขเวลามันจะเดินเร็วเสมอเลือกร้านที่ให้เราได้อยู่แบบมีความสุขพร้อมกับความอร่อยในราคาที่รับได้ตรงนี้ต้องมีตอบโจทย์เราแน่นอน
3.ต้องมีอาหารเติมให้เรื่อยๆ
ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์บางร้านพอลูกค้ามาเยอะก็ไม่ยอมเติมของสักเท่าไหร่กลัวว่าของแพงที่เติมไว้จะหมด แต่นั้นก็กลายเป็นจุดเสียที่ทำให้เรื่องเล่าสิ่งไม่ดีของทางร้านได้หลุดออกไป ถ้ามีคนเจอพร้อมกันสัก 4-5 รายแล้วพูดพร้อมกันตั้งเป็นกระทู้ขึ้นมาก็ทำให้ร้านเดือดร้อนได้ เราก็ควรที่จะเลือกร้านที่มีอาหารเติมอยู่บ่อยๆ จะดีที่สุด ถ้าร้านไหนที่บริการไม่ดี นั่งแล้วไม่สนุก นั้นก็บอกถึงชะตากรรมร้านได้เหมือนกัน และแน่นอนว่าเราก็จะเปลี่ยนเรื่องคุยเรื่องสนุกกลายเป็นเรื่องเล่าของร้านแทน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าร้านนั้นดี ก็ตามรีวิวได้เลยเดี๋ยวนี้คนรีวิวให้เราดูแทบทุกร้านและแทบทุกวัน
4.ร้านต้องสวยหรูอัพรูปได้
ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์สมัยใหม่นี้ เน้นเรื่องความสวยงามและบรรยากาศที่น่ารักเพื่อเอาใจลูกค้าทุกเพศทุกวัยแล้วยิ่งร้านที่เข้าใจการมากินบุฟเฟ่ต์ของเพื่อนกลุ่มใหญ่ๆ ก็จะเข้าใจว่ามันสามารถทำกำไรให้กับทางร้านได้เป็นอย่างดี และแน่นอนว่าถ้าเราได้รูปสวยๆ ได้มุมดีๆ แถมอาหารอร่อยเราก็กลายเป็นนักรีวิวให้กับทางร้านไปแบบไม่รู้ตัวด้วย ความสุขที่มีคนมาเม้นกับที่เราได้โพสได้แชร์ไป ตรงนี้ก็ทำให้เรารู้สึกดีได้เหมือนกัน
5.ต้องเป็นร้านที่มีเวลานั่งได้ยาวนานที่สุด
ร้านบุฟเฟ่ต์บางร้านก็จำกัดเวลาด้วยสินค้าและคุณภาพที่ดีเกินกว่าเราจะจ่ายกันไหว ถ้าเราได้เจอร้านที่พอเหมาะราคารับได้ บรรยากาศดี แถมด้วยอาหารอร่อย เจ้าของร้านก็ให้เวลากับการนั่งของเราแบบนานแสนนาน แค่นี้เราก็มีความสุขในวันหยุดสุดสัปดาห์ได้แล้ว
พอรู้แล้วว่าการหาความสุขแค่ 2-3 ชั่วโมงเราก็สามารถทำได้ด้วยงบประมาณที่จำกัด คราวนี้เราก็อาจจะเริ่มมองหาความสุขในระหว่างวันได้ด้วยเช่นกัน ชีวิตเราก็ไม่ได้ต่างจากโทรศัพท์มือถือที่เรานั้นเล่นอยู่ทุกวันนี้ ยิ่งเราใช้งานมันหนักเท่าไหร่ก็ต้องให้เวลาในการชาร์ตแบตเตอรรี่มันมากขึ้นเท่านั้น ตัวเราก็เช่นกัน ถ้ายิ่งเราทำงานหนักทำจนรู้สึกว่าไฟในตัวเริ่มจะหมดก็ควรต้องหาเวลาไปพักผ่อนจิตใจแบบที่ต้องการบ้าง ไม่ต้องสวยหรูแบบที่คนอื่นเขาทำ เพราะบางอย่างที่เขาทำเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขามี่ความสุขเท่าไหร่ อย่างบางคนก็ขอเวลาเลิกงานแค่ไม่กี่นาทีได้เดินไปดูคนตกปลาแล้วได้คุยกับเขาสักหน่อย ถึงแม้จะเป็นเวลาแค่ไม่นาน แต่มันก็คือการชาร์ตแบตเตอร์รี่ให้กับร่างกายได้เหมือนกัน เลือกที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุขบ้างอย่างน้อยวันละสัก 30 นาทีเท่ากับการออกกำลังกายบ้างก็ดี ถ้าปล่อยให้เหนื่อย หนัก เครียดสะสมมากไป สุดท้ายก็อาจจะเสียใจในภายหลังได้เช่นกัน หลายคนที่มาถึงจุดนี้บอกได้แค่ว่า เสียดาย หรือ คำพูดที่ทำให้รู้สึกเสียใจไปตลอดนั้นคือ “รู้งี้” คำนี้อย่าให้มันเกิดขึ้นกับคุณเลย